03 พฤษภาคม 2567

ประเทศไทยเตรียมพร้อมขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติ ยกระดับภาคการผลิตข้าวสู่ความยั่งยืนแบบองค์รวม เพิ่มขีดความสามารถเกษตรกรในการปรับตัวต่อสภาวะโลกร้อน

เรื่องและภาพ: โครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม/ กลุ่มโครงการเกษตรและความปลอดภัยทางอาหาร

ช่วงนำเสนอแนวคิดในการดำเนินโครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม(Inclusive Sustainable Rice Landscapes: ISRL)

กรุงเทพฯ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 – ที่เวทีประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม(Inclusive Sustainable Rice Landscapes หรือ ISRL) ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา ลาดพร้าว มีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ นำโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ประกอบด้วยงานหลัก ได้แก่ กรมการข้าว กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยกรมอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ รวมทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้แทนเกษตรกรและชุมชน และองค์กรระหว่างประเทศ ทั้งหมด 70 เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจแนวทางในการปฏิบัติงานและแนวทางขับเคลื่อนกิจกรรมทั้งในระดับประเทศ ระดับจังหวัด และในพื้นที่ชุมชน

การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเวทีให้เครือข่ายภาคการผลิตข้าวในประเทศไทยทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้แทนเกษตรกรและชุมชนได้เจาะลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ ISRL ทั้งในประเด็นกลุ่มเป้าหมาย ระเบียบวิธีปฏิบัติ และยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมอภิปรายความคิดเห็น และถกประเด็นเรื่องความสำคัญของการทำงานเชื่อมโยงกันระหว่างกระทรวง กรมและหน่วยงานงานภาครัฐ เอกชนและชุมชนท้องถิ่นเพื่อประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของการขับเคลื่อนงานอย่างเป็นระบบและมีความยั่งยืนเชิงผลลัพธ์

ดร.ชิษณุชา บุดดาบุญ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวเปิดงานประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการ ISRL ดังนี้“กรมการข้าวตระหนักถึงความท้าทายที่เกษตรกรไทยกำลังเผชิญ ทั้งภาวะฝนแล้ง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง ผลผลิตที่ลดลงสวนทางกับต้นทุนทางการเกษตรที่เพิ่มขึ้น ประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ภาคเกษตรของไทย โดยเฉพาะภาคการผลิตข้าวจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ กรมการข้าวในฐานะหน่วยงานภาครัฐ มีบทบาทโดยตรง และให้ความสำคัญกับการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการศึกษาวิจัยและการพัฒนาเพื่อส่งเสริมเกษตรกรไทยในฐานะผู้ผลิตต้นน้ำสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และยังคงมีรายได้ที่เพียงพอในการดำรงชีวิตของสมาชิกในครัวเรือน อีกทั้งมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการปลูกข้าวได้เช่นกัน”

รองอธิบดีกรมการข้าวกล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กรมการข้าวได้ประกาศรับรองพันธุ์ข้าวใหม่ทั้งหมด 10 สายพันธุ์ ซึ่งข้าวแต่ละประเภทจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันตามการนำไปใช้ประโยชน์เช่น ผลผลิตสูง อายุเก็บเกี่ยวสั้น ต้านทานโรค ทนแล้งและการหักล้ม คุณสมบัติเหล่านี้มีส่วนทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนจากการปลูกข้าว ลดการใช้ปุ๋ย และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งช่วยเพิ่มรายได้และศักยภาพการแข่งขันของการผลผลิตข้าวไทยในตลาดต่างประเทศ 

ประเทศไทยเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกข้าวอันดับต้น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม การผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่อย่างยั่งยืน จึงส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ การลดลงของของพื้นที่ป่าต้นน้ำ สัตว์ป่า พันธุ์พืช และความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้ขาดความสมดุลในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและขาดความเชื่อมโยงของบริการทางระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหาร

ผู้บริหารโครงการ ISRL ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก

ดร.นานา คึนเคล ผู้ประสานงานกลุ่มโครงการ GIZ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการ ISRL เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของภาคการผลิตข้าวไทยและภาคการเกษตรให้มีศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและรายได้ครัวเรือนและยังช่วยฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ต่อไปในระยะยาว”

โครงการระบบการผลิตข้าวที่ยั่งยืนแบบองค์รวม หรือ ISRL เป็นโครงการต่อยอดจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน กรมการข้าว และบริษัทโอแลมอกริ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2561 โครงการ ISRL ได้รับทุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Fund หรือ GEF) ผ่านโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme หรือ UNEP) และดำเนินการโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปรับเปลี่ยนห่วงโซ่คุณค่าข้าวไทยและเกษตรกรรมให้เกิดความยั่งยืนผ่านแนวทางการจัดการภูมินิเวศแบบบูรณาการร่วมกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ใน 2 จังหวัดนำร่องได้แก่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดอุบลราชธานี คาดว่าจะมีเกษตรกรในพื้นที่มากกว่า 45,000 คนเข้าร่วมเป็นสมาชิก โครงการ ISRL มีแผนดำเนินกิจกรรมทั้งในระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ เพื่อสร้างการเรียนรู้แนวทางการจัดการพื้นที่เกษตรรวมทั้งพื้นที่ป่าไม้ราวหนึ่งล้านไร่ ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ นำไปสู่การปฏิบัติจริงเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซมลภาวะจากภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบภายในปีพ.ศ. 2570   

กวิตา ชาร์มา ผู้ประสานงานโครงการด้านความหลากหลายทางชีวภาพและความเสื่อมโทรมของพื้นที่ดินในภูมิภาคเอเชีย UNEP กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้แบ่งปันแนวคิดและสร้างความร่วมมือเพื่อเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนภาคการผลิตข้าวไทยไปสู่เป้าหมายการเปลี่ยนผ่านเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเกษตรและอาหารที่มีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นระบบ”

กิจกรรมภาคบ่าย: ช่วงนำเสนอแนวคิดในการดำเนินโครงการระบบการผลิตข้าวยั่งยืนแบบองค์รวม(Inclusive Sustainable Rice Landscapes: ISRL)

เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมเครือข่ายภาคการผลิตข้าวในประเทศไทยทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้แทนเกษตรกรและชุมชน ต่างเห็นพ้องในวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งเสริมและขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติเพื่อยกระดับการปลูกข้าวและผลผลิตภาคเกษตรอื่น ๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งช่วยฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของประเทศในภาพรวม และมีการประชุมเตรียมความพร้อมในการเปิดตัวโครงการในระดับจังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงรายและอุบลราชธานีในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วย

แกลอรี่ภาพ

วิดีโอ

ติดต่อเรา

  • +66 2 255 4202
  • asean-agrifood@giz.de
  • 39/1 ซอยสุขุมวิท 13, ถนนสุขุมวิท, คลองเตยเหนือ, วัฒนา, กรุงเทพฯ 10110 ประเทศไทย

การเยี่ยมชม

สื่อและแหล่งข้อมูล

โครงการ

การป้องกันข้อมูล

สมัครจดหมายข่าว

ติดตามเรา

  • Copyright © 2014 - 2019 | Sustainable Agrifood Systems in ASEAN