22 กรกฎาคม 2566

GIZ ประสานภาครัฐ-วิชาการ-เอกชน แลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการการเผาทางการเกษตร

กลุ่มเกษตรและความปลอดภัยทางอาหาร GIZ ประเทศไทย

GIZ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นปัญหาการเผาการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช และเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตรกรรม ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศในภาคเหนือของประเทศไทย 

กิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) พื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการจัดการปัญหาการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืชและเศษวัสดุจากการเกษตร รวมทั้งส่งเสริมการใช้ประโยชน์ฟางข้าวอย่างยั่งยืน
ว่าที่ร้อยตรีดุจเดี่ยว วงศ์ภักดิ์ เกษตรจังหวัดเชียงรายกล่าวเปิดงาน และนำเสนอโครงการต้นแบบ “เกษตรปลอดการเผา” เพื่อลดปัญหาหมอกควันและไฟป่าของจังหวัดให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนา

การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมการข้าว สำนักงานจังหวัดเชียงราย สำนักงานส่วนภูมิภาคและจังหวัดจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและการเกษตรสหกรณ์ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์  บริษัท อูรมัต จำกัด บริษัทเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จํากัด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย  สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ทั้งหมด 66 ท่านเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

ในช่วงระยหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่และจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียงทางภาคเหนือตอนบนต้องเผชิญกับภาวะหมอกควันรุนแรงและฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน เมื่อต้นปี พ.ศ. 2566 ทั้งสองจังหวัดอยู่ในลำดับต้น ๆ ของโลกที่มีมลพิษทางอากาศสูงสุดและส่งผลต่อภาวะสุขภาพ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ การเผาในพื้นที่เกษตรกรรมยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ว่าที่ร้อยตรีดุจเดี่ยว วงศ์ภักดิ์ เกษตรจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเข้าร่วมกิจกรรมกล่าวว่า  “ปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศเป็นปัญหาที่ชาวจังหวัดเชียงรายต้องเผชิญตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดให้ความสำคัญในการรณรงค์ลดการเผา โดยประกาศขอความร่วมมืองดเผาในที่โล่ง และได้ประชาสัมพันธ์โครงการต้นแบบ “เกษตรปลอดการเผา” เพื่อลดปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการส่งเสริมและจัดการเศษซากพืชหรือวัชพืชและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นฟางข้าวและตอซังข้าวโพดไปสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นอาหารสัตว์ ทำปุ๋ยหมัก เพาะเห็ดและเชื้อเพลิงชีวมวล นับเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง”

นางพจมาน วงษ์สง่า ผู้อำนวยการโครงการ GIZกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม

นางพจมาน วงษ์สง่า ผู้อำนวยการโครงการ GIZ นำเสนอ “โครงการการนำร่องการใช้ประโยชน์ฟางข้าวอย่างยั่งยืน” ให้กับผู้เข้าร่วมการประชุม  โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นจากสำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อส่งเสริมวิธีการแปรรูปฟางข้าวและเศษชีวมวล เช่นการทำปุ๋ยหมักทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมีที่ราคาแพง ช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาและการใช้ปุ๋ยเคมี และยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มแก่เกษตรกร

“หลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว เกษตรกรมักใช้วิธีการเผาฟางข้าวและตอซัง เนื่องจากไม่มีทางเลือกในการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ดังนั้นการสาธิตและส่งเสริมวิธีการเปลี่ยนฟางข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่า จะสามารถช่วยลดการเผาได้ในที่สุดและมีส่วนช่วยให้คุณภาพอากาศในจังหวัดเชียงรายดีขึ้น” นางพจมานกล่าว
นางพจมานกล่าวเพิ่มเติมว่า GIZ ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) และอาเซียน ให้ดำเนิน “โครงการนำร่องการใช้ประโยชน์ฟางข้าวอย่างยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมเกษตรกร โดยร่วมมือกับบริษัท อูรมัต จำกัด ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคม ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้าวที่ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว และยังมีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงให้ความร่วมมือด้านงานวิจัย เพื่อนำร่องการพัฒนาต้นแบบธุรกิจจากการใช้ประโยชน์จากฟางข้าวอย่างยั่งยืน เช่น การนำฟางข้าวมาผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ การหมักปุ๋ยชีวภาพจากฟางข้าว นับเป็นกิจกรรมถ่ายทอดความรู้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเผยแพร่ผลงานระหว่างประเทศภายในภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี
ช่วงกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ดร.อรทัย ใจตุ้ย

สำหรับช่วงกิจกรรม ผู้เข้าร่วมประชุมร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการเผาเศษวัสดุจากการเกษตร โดยกลุ่มตัวแทนเกษตรกรให้ข้อมูลว่าปัญหาเรื่องการเผายังไม่หมดไป เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มงวด เกษตรกรบางกลุ่มขาดความรู้ความเข้าใจในการจัดการฟางข้าวที่ถูกต้อง ขาดการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อไถกลบและแปรรูปฟางข้าว รวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเชื่อเรื่องการเผาป่ามีความเชื่อมโยงกับเตรียมพื้นที่เพื่อเพาะปลูกของเกษตรกร การเผาด้วยความคึกคะนองหรือต้องการกลั่นแกล้งกัน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการวางแผนพื้นที่การเกษตรแบบองค์รวม และส่งเสริมการหยุดเผาด้วยการประยุกต์ใช้วิธีการจัดการฟางข้าวที่เหมาะสม

ดร.อรทัย ใจตุ้ย ผู้อำนวยการกลุ่มวิเทศสัมพันธ์และโครงการพิเศษ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ข้าว กรมการข้าว ให้เกียรติกล่าวปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ และกล่าวขอบคุณผู้ร่วมงานจากทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานของภาครัฐบาล ภาคเอกชนและกลุ่มเกษตรกร ที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการเผาเศษวัสดุจากการเกษตรและขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานร่วมทำงานและทำกิจกรรมร่วมกันต่อไป ■

แกลอรี่ภาพ

ติดต่อเรา

  • +66 2 255 4202
  • asean-agrifood@giz.de
  • 39/1 ซอยสุขุมวิท 13, ถนนสุขุมวิท, คลองเตยเหนือ, วัฒนา, กรุงเทพฯ 10110 ประเทศไทย

การเยี่ยมชม

สื่อและแหล่งข้อมูล

โครงการ

การป้องกันข้อมูล

สมัครจดหมายข่าว

ติดตามเรา

  • Copyright © 2014 - 2019 | Sustainable Agrifood Systems in ASEAN