01 พฤศจิกายน 2568

พวกเราทำได้! เกษตรกรไทยเตรียมความพร้อมเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตปาล์มน้ำมันแบบคาร์บอนต่ำ

เรื่อง: จันทิมา กูลกิจ ภาพ: SPOPP-CLIMA

แม้จะอยู่ในวัยเกษียณแล้ว แต่อดีตครูอย่างนายประเสริฐ ประทีป ณ ถลาง  เชื่อในการเรียนรู้ตลอดชีวิต เขาตัดสินใจผันตัวมาเป็นเกษตรกรสวนปาล์มน้ำมันเต็มตัว  แม้จะทุ่มเททั้งแรงกายและทุนทรัพย์  แต่ด้วยประสบการณ์ที่จำกัดทำให้ประสบปัญหาการจัดการสวนปาล์มของตัวเอง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยิ่งทำให้ผลผลิตยังไม่เต็มที่

นายประเสริฐ ประทีป ณ ถลาง วิทยากรจาก กลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันทับทิม&ไชโย
เมื่อเขาได้รับโอกาสจากกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันทับทิม&ไชโย ที่ตนเองเป็นสมาชิก ให้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร “การจัดการสวนปาล์มแบบคาร์บอนต่ำเพื่อเศรษฐกิจสีเขียว” นายประเสริฐไม่รีรอที่จะเข้าร่วมกิจกรรมที่เขาเชื่อว่าไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเท่านั้น แต่จะช่วยเติมเต็มความรู้เพื่อนำไปพัฒนาสวนปาล์มของตนเองและสามารถเผยแพร่ต่อไปยังเพื่อนเกษตรกรสมาชิกกลุ่ม และชุมชนใกล้เคียงในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงาด้วย

นายประเสริฐคือหนึ่งในเกษตรกร 50 คน ที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตรล่าสุดที่จัดขึ้น เพื่อพัฒนาภายใต้โครงการการผลิตปาล์มน้ำมันและ น้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ SPOPP CLIMA ซึ่งจัดขึ้นรวม 3 วัน โดยมีการอบรมระหว่างวันที่ 27–28 มิถุนายน ที่ เดอะ ฮอท สปริง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา และวันที่ 3 กันยายน ที่ โรงแรมพูลแมน เขาหลัก รีสอร์ท ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

หลักสูตรนี้จัดอบรมเป็นสองระดับ (ระดับวิทยากรและเกษตรกร) โดยระดับวิทยากรมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยดูแล ติดตาม และถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้แนวทางการปฏิบัติสามารถขยายผลสู่การใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระดับเกษตรกรเน้นการนำมาตรการไปปรับใช้ในสวนปาล์มของตนเองอย่างเหมาะสมและยั่งยืน โดยเกษตรกรจะได้เรียนรู้มาตรการและแนวทางปฏิบัติที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม เพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินท์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

โครงการ SPOPP CLIMA มีวัตถุประสงค์หลัก ช่วยเสริมศักยภาพให้เกษตรกรอย่างนายประเสริฐ และอีกหลาย ๆ คน  ก้าวไกลยิ่งขึ้น ผ่านการดูแลสวนปาล์มอย่างรับผิดชอบ สู่การลดการปลดปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยองค์ความรู้ เครื่องมือ และแนวปฏิบัติที่ช่วยให้ทุกทะลายปาล์มไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังรักษาอนาคตที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

เพื่อก้าวสู่เป้าหมายนี้ เกษตรกรต้องเตรียมความพร้อมรอบด้าน ทั้งด้านความรู้ ความเข้าใจ และทรัพยากรที่จำเป็น ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ปลูก วิธีการปลูก การจัดการสวน การใช้ปุ๋ย ไปจนถึงการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการเลือกแนวทางปฏิบัติเพื่อให้การลดคาร์บอนเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม การวิเคราะห์ดินและใบ การปลูกพืชคลุมดิน พืชร่วมหรือพืชแซมเพื่อช่วยกักเก็บคาร์บอน การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การหลีกเลี่ยงการเผาซากพืช และการนำวัตถุดิบทางการเกษตรกลับมาใช้หมุนเวียนเพื่อลดของเสียและเพิ่มคุณค่าทางสิ่งแวดล้อม

ความสำเร็จของวิทยากรกระบวนการปาล์มน้ำมัน รู้ให้ลึก ถ่ายทอดได้ดี ทำได้จริง สร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร

การฝึกอบรมวิทยากรอย่างเข้มข้นในครั้งนี้ได้สร้าง เครือข่ายวิทยากรจากกลุ่มเกษตรกร 6 กลุ่ม ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง กระบี่ พังงา และชุมพร โดยมี นายประเสริฐ ประทีป ณ ถลาง และนางคุณสุเมตตา วิทิตพันธ์ เป็นตัวแทนวิทยากรที่ผ่านการเรียนรู้และพร้อมนำความรู้ไปถ่ายทอดต่อให้กับเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม

 “การอบรมครั้งนี้ได้มอบประสบการณ์ที่มีค่า ให้กับผม เพราะไม่เพียงแต่เป็นการเติมเต็มความรู้ด้านวิชาการ แต่ยังเป็นการมอบประสบการณ์การเป็นวิทยากรกระบวนการอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยพัฒนาความรู้ด้านวิชาการ  จนสามารถอธิบายแนวคิดเรื่อง คาร์บอนฟุตพรินท์ และเทคนิคการวัดผลได้อย่างถูกต้อง ทำให้เขามีความ รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเวลาในการำความรู้ไปถ่ายทอดให้เพื่อนเกษตรกร ให้เข้าใจได้ง่ายและสามารถนำไปปฎิบัติได้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ” นายประเสริฐกล่าว

เขาเชื่อว่า การเป็นวิทยากร โดยเฉพาะในสาขาเกษตรกรรม ต้องได้รับความเชื่อถือจากผู้ฟัง เขาจึงยึดหลัก รู้ให้ลึก รู้ให้จริงเพราะไม่ใช่แค่พูดได้ แต่ต้องลงมือทำให้เห็นจริงด้วย อีกทั้งยังต้องมีทักษะและเทคนิคในการสื่อสาร เพราะผู้ฟังแต่ละคนมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน

นายประเสริฐทิ้งท้ายด้วยความมั่นใจว่า การจะทำให้ผู้อื่นยอมรับความรู้ที่เราถ่ายทอดได้นั้น เราต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณโครงการ SPOPP CLIMA ที่ทำให้เขาได้พัฒนาตนเอง และพร้อมที่จะส่งต่อองค์ความรู้สู่เกษตรกรรุ่นต่อไปอย่างยั่งยืน

เรียนรู้ก่อน ย่อมเข้าใจก่อน เคล็ดลับสู่การเป็นวิทยากรผู้นำการผลิตปาล์มคาร์บอนต่ำ

นางสุเมตตา วิทิตพันธ์ วิทยากรจาก กลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนปาล์มน้ำมันทับทิม&ไชโย

นางสุเมตตา วิทิตพันธ์ ในวัย 58 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เล็ก” เดิมเป็นชาวนครศรีธรรมราช ก่อนจะย้ายมาปักหลักที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ตามครอบครัว และผันตัวจากอาชีพเดิมที่เป็นนักตรวจสอบบัญชี มาเป็นเกษตรกรสวนปาล์มน้ำมัน และแม้จะเปลี่ยนสายอาชีพ แต่ความสนใจในรายละเอียด นิสัยนักตรวจสอบ และความใคร่รู้ของเธอไม่เคยจางหายไป ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบบัญชี ซึ่งเน้นความแม่นยำและการเรียนรู้เชิงลึก จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่ผลักดันให้เธอสนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาสวนปาล์มของตนเองให้ก้าวทันกระแสโลก

นางสุเมตตา เป็นอีกคนที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่วิทยากร ซึ่งสมาชิกทุกคนต่างก็เชื่อมั่นในศักยภาพของเธอว่าจะสามารถรับบทบาทและทำหน้าที่นี้ได้อย่างแน่นอน

นางสุเมตตาเล่าว่า รู้สึกตื่นเต้นและยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสพัฒนาตนเอง การได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะการเป็นวิทยากรในหัวข้อที่ใกล้ตัวและสอดคล้องกับกระแสโลกถือเป็นความท้าทายที่น่าสนใจ และเธอเชื่อเสมอว่า “การได้เรียนรู้ก่อน ย่อมทำให้เข้าใจก่อน” ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เธอพร้อมก้าวสู่บทบาทนี้ นอกจากนี้เธอมองว่าการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสร้างความเข้าใจให้เกษตรกรเพื่อร่วมกันผลิตปาล์มแบบคาร์บอนต่ำเป็นเป้าหมายสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เธอยังให้คำมั่นว่าเธอและทีมวิทยากรทุกคนจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มความสามารถ จะร่วมกันสร้างความตระหนักรู้และขับเคลื่อนการจัดการสวนปาล์มให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันให้สำเร็จ โดยใช้หลักสูตรการจัดการสวนปาล์มแบบคาร์บอนต่ำเพื่อเศรษฐกิจสีเขียว เป็นเครื่องมือสำคัญในการถ่ายทอดความรู้กลับสู่เกษตรกรต่อไป

การจัดการปุ๋ย มาตรการสำคัญสู่การจัดการสวนปาล์มคาร์บอนต่ำ

หนึ่งใน 12 แปลงสาธิตของโครงการ SPOPP CLIMA ที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

มาตรการสำคัญสู่การจัดการสวนปาล์มแบบคาร์บอนต่ำเป็นเรื่องสำคัญที่ทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การวิเคราะห์ดินและใบอย่างแม่นยำ เพื่อใช้ปุ๋ยและสารเคมีอย่างเหมาะสม การปลูกพืชร่วม การบริหารจัดการน้ำ และการขอการรับรองมาตรฐาน  Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของปาล์มให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วย ลดต้นทุน และ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้การปลูกปาล์มน้ำมันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

นายเอกรัฐ พิชยกัลป์ เกษตรกรจากกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเอเจเสริมสร้างปาล์มน้ำมัน ใช้มูลวัวจากการเลี้ยงวัวในสวนปาล์มเป็นปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประโยชน์สูงสุด ช่วยลดต้นทุน และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่า

ขณะเดียวกัน โครงการยังส่งเสริมให้เกษตรกรอาสาสมัครร่วมกันสร้าง แปลงสาธิต จำนวน 12 แปลง เพื่อทดลองและแสดงให้เห็นแนวทางการจัดการสวนปาล์มน้ำมันแบบคาร์บอนต่ำ แปลงเหล่านี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น โดยแต่ละแปลงไม่เพียงเป็นพื้นที่เรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เพื่อนเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เก็บข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินท์ เพื่อนำไปประเมินว่าแนวทางใดช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้จริง แม้จะเป็นเพียงก้าวแรก แต่แปลงสาธิตเหล่านี้จะค่อย ๆ พัฒนาและต่อยอด จนกลายเป็นต้นแบบที่พร้อมขยายผลสู่เกษตรกรรายอื่นในอนาคต

นายเอกรัฐ พิชยกัลป์ เจ้าชองแปลงสาธิตการจัดการสวนปาล์มน้ำมันคาร์บอนต่ำ

โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบที่ต่อยอดจากความสำเร็จของการรับรอง RSPO โดยมุ่งสู่การผลิตปาล์มน้ำมันแบบคาร์บอนต่ำ เพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจเข้าสู่ตลาดคาร์บอนเครดิต และสร้างแนวทางการเกษตรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง การดำเนินงานของโครงการสอดคล้องกับเป้าหมาย NDCs ของประเทศไทย หรือ เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศภายใต้ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการร่วมแก้ไขปัญหาโลกร้อน แน่นอนว่าการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตแบบคาร์บอนต่ำมีต้นทุน แต่ภาครัฐไทยก็ได้จัดทำ Thailand Taxonomy ซึ่งเป็นกรอบการจำแนกกิจกรรมเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจกรรมเศรษฐกิจสีเขียวและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน ด้วยแนวทางนี้ เกษตรกร นักลงทุน และผู้ประกอบการ จะมีทิศทางที่ชัดเจน ในการพัฒนากิจกรรมที่ลดคาร์บอน ส่งเสริมความยั่งยืน และพร้อมต่อยอดสู่อนาคตของธุรกิจที่เป็นมิตรต่อโลก

ก้าวต่อไป ลงมือปฏิบัติ Next Step

ดร.กนกวรรณ ศาศวัตเตชะ ผู้อำนวยการโครงการ SPOPP CLIMA
ดร.กนกวรรณ ศาศวัตเตชะ ผู้อำนวยการโครงการ SPOPP CLIMA กล่าวว่า ด้วยความร่วมมือ ความรู้ และแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้จริงสำหรับเกษตรกรรายย่อย โครงการ SPOPP CLIMA จึงเป็นต้นแบบการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้เกษตรกรไทยก้าวสู่อนาคตที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืน เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่ได้รับความรู้และแนวทางปฏิบัติจากโครงการมีความมั่นใจพร้อมลงมือผลิตปาล์มแบบคาร์บอนต่ำ โดยมีพี่เลี้ยงและวิทยากรคอยสนับสนุนและติดตามอย่างใกล้ชิด ทำให้เกษตรกรกล้าที่จะทดลองแนวทางใหม่หรือปรับกระบวนการเดิมให้เป็นระบบด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก การเรียนรู้ที่ได้รับจึงเป็น จุดเริ่มต้นสำคัญ สู่การปฏิบัติจริง และสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนทั้งด้านการผลิต รายได้ และสิ่งแวดล้อม

ดร.กนกวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทีมงานได้เตรียมสื่อการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ พร้อมลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมและติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด โดยจะมีการติดตามทุกกิจกรรมของโครงการอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาโครงการ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมวางแผนการจัดอบรมกับวิทยากร เพื่อขยายผลความรู้ด้านการจัดการสวนปาล์มแบบคาร์บอนต่ำสู่เกษตรกรกว่า 1,000 คน ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2569 เพื่อให้มั่นใจว่าเกษตรกรจะสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

วิดีโอ

Scroll to Top